Netflix เปิดตัวเกมใหม่
Netflix เปิดตัวเกมใหม่ และพัฒนาเกม MMO
Netflix เปิดตัวเกมใหม่ และยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจด้านเกมอย่างต่อเนื่อง ด้วยการพัฒนาเกมรูปแบบใหม่ และเปิดตัวเกม MMO เกมแรกของบริษัท พร้อมเพิ่มเกมบนมือถือที่สามารถเล่นได้ผ่านแพลตฟอร์มของตนเอง
กลยุทธ์ใหม่ของ Netflix ในอุตสาหกรรมเกม
Netflix ได้ปรับกลยุทธ์การพัฒนาเกมโดยเน้นไปที่ 4 ประเภทหลัก ได้แก่:
เกมเนื้อเรื่อง (Narrative Games): เน้นการเล่าเรื่องที่เข้มข้นและดึงดูดผู้เล่น
เกมปาร์ตี้แบบผู้เล่นหลายคน (Multiplayer Party Games): สร้างประสบการณ์ร่วมกันสำหรับผู้เล่นหลายคน
เกมสำหรับเด็ก (Kids' Games): ออกแบบมาเพื่อความสนุกและการเรียนรู้ของเด็กๆ
เกมกระแสหลัก (Mainstream Games): เกมที่สามารถเข้าถึงผู้เล่นทั่วไปได้ง่าย
Alain Tascan ประธานฝ่ายเกมของ Netflix เปรียบเทียบแนวทางนี้กับช่วงเริ่มต้นของการผลิตซีรีส์ต้นฉบับของ Netflix ที่เริ่มจากจำนวนไม่มาก ก่อนจะขยายไปสู่เนื้อหาหลากหลายประเภท
CR : Netflix
"Spirit Crossing" เกม MMO แรกของ Netflix
Netflix ได้ประกาศเปิดตัว "Spirit Crossing" เกม MMO เกมแรกของบริษัท ซึ่งพัฒนาโดย Spry Fox สตูดิโอเกมในเครือของ Netflix เกมนี้ถูกนำเสนอในงาน GDC 2025 และมีกำหนดเปิดตัวภายในปีนี้ โดยมีลักษณะเป็น "cozy MMO" ที่มีสิ่งมีชีวิตน่ารัก สีสันพาสเทล ดนตรีผ่อนคลาย บ้านที่ปรับแต่งได้ และองค์ประกอบการสำรวจและคราฟต์
เพิ่มเกมใหม่บนมือถือ
Netflix ยังเพิ่มเกมใหม่อีก 9 เกมในคลังเกมมือถือของตน ซึ่งสามารถเล่นได้ฟรีสำหรับสมาชิก Netflix โดยไม่มีโฆษณาและไม่มีการซื้อไอเทมในแอป เกมที่เพิ่มเข้ามารวมถึง "Reigns: Three Kingdoms" จาก Devolver Digital, "Cats & Soup" จาก Neowiz และ "Hello Kitty Happiness Parade" จาก Rogue Games
สรุป
Netflix กำลังสร้างความแข็งแกร่งในตลาดเกมผ่านกลยุทธ์ที่ชัดเจนและการเปิดตัวเกมใหม่อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การพัฒนาเกมประเภทต่างๆ ไปจนถึงการเปิดตัวเกม MMO และการเพิ่มคลังเกมบนมือถือ ความเคลื่อนไหวเหล่านี้สะท้อนถึงความตั้งใจของ Netflix ที่จะเป็นแพลตฟอร์มความบันเทิงที่ครอบคลุมทั้งภาพยนตร์ ซีรีส์ และเกม
ที่มา
The Verge Netflix Newsroom
**สำหรับท่านที่สนใจ เช่า/ซื้อ อุปกรณ์ IT ต่างๆ ติดต่อได้ที่**
Line ID : @totalitsolution หรือ โทร : 092-269-8800 สายด่วน : 092-269-7700 คลิกตรงนี้เพื่อติดต่อฝ่ายอื่นๆ
Google เพิ่มฟีเจอร์ Canvas และ Audio Overview ให้ Gemini Plus
Google เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้ Gemini Plus
Google เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้ Gemini Plus ซึ่งเป็นเวอร์ชันขั้นสูงของโมเดล AI Gemini โดยฟีเจอร์หลักที่เพิ่มเข้ามาคือ Canvas ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถโต้ตอบกับ AI ผ่านอินเทอร์เฟซแบบอินเตอร์แอคทีฟ และ Audio Overview ที่ช่วยให้ AI สามารถสรุปข้อมูลในรูปแบบเสียงได้
Google ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่สำหรับ Gemini Plus ซึ่งเป็นเวอร์ชันขั้นสูงของโมเดล AI Gemini โดยฟีเจอร์หลักที่เพิ่มเข้ามาคือ Canvas ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถโต้ตอบกับ AI ผ่านอินเทอร์เฟซแบบอินเตอร์แอคทีฟ และ Audio Overview ที่ช่วยให้ AI สามารถสรุปข้อมูลในรูปแบบเสียงได้
CR : Google
ฟีเจอร์ Canvas – ปฏิสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับ AI
Canvas เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถลากและวางข้อความหรือองค์ประกอบต่าง ๆ บนพื้นที่ทำงานดิจิทัลเพื่อสร้างแนวคิดและแผนงานได้ง่ายขึ้น เทคโนโลยีนี้ช่วยเพิ่มความสามารถในการสร้างสรรค์เนื้อหาและปรับแต่งข้อมูลให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้ใช้
Audio Overview – AI อ่านสรุปข้อมูลให้ฟัง
นอกจากนี้ Google ยังเปิดตัว Audio Overview ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้ AI สามารถอ่านสรุปข้อมูลหรือเอกสารให้ผู้ใช้ฟังได้ ฟีเจอร์นี้เป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ต้องอ่านด้วยตนเอง เช่น ขณะเดินทางหรือทำงานอื่นไปพร้อมกัน
การพัฒนา AI ของ Google
การเพิ่มฟีเจอร์เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ของ Google ในการพัฒนา AI ให้มีความสามารถมากขึ้น โดยเฉพาะการทำให้ AI มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้ได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการตอบสนองต่อการแข่งขันที่รุนแรงในตลาด AI โดยเฉพาะจากคู่แข่งอย่าง OpenAI และ Microsoft
CR : Google
สรุป
Google กำลังพัฒนา Gemini Plus ให้เป็น AI ที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น ด้วยการเพิ่มฟีเจอร์ Canvas และ Audio Overview ทำให้ AI สามารถช่วยจัดการข้อมูลและโต้ตอบกับผู้ใช้ในรูปแบบที่สะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของ AI ในการเป็นผู้ช่วยดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพสูง
ที่มา
TechCrunch
**สำหรับท่านที่สนใจ เช่า/ซื้อ อุปกรณ์ IT ต่างๆ ติดต่อได้ที่**
Line ID : @totalitsolution หรือ โทร : 092-269-8800 สายด่วน : 092-269-7700 คลิกตรงนี้เพื่อติดต่อฝ่ายอื่นๆ
Google เปิดตัว Pixel 9A
Google เปิดตัว Pixel 9A สมาร์ทโฟนระดับกลางที่มาพร้อมกับการปรับปรุงที่น่าสนใจในราคาที่คุ้มค่า โดยมีรายละเอียดดังนี
การออกแบบและหน้าจอ
Google เปิดตัว Pixel 9A มาพร้อมหน้าจอขนาด 6.3 นิ้ว ซึ่งใหญ่กว่ารุ่นก่อนหน้าเล็กน้อย หน้าจอมีความสว่างสูงสุดถึง 2,700 นิต และรองรับอัตราการรีเฟรช 120Hz ทำให้การแสดงผลราบรื่นและสว่างชัดเจนยิ่งขึ้น
กล้องถ่ายรูป
สมาร์ทโฟนรุ่นนี้มีกล้องหลักความละเอียด 48 MP พร้อมโหมดมาโครสำหรับการถ่ายภาพระยะใกล้ และกล้องอัลตร้าไวด์ความละเอียด 13 MP ช่วยให้การถ่ายภาพมีความหลากหลายและคุณภาพสูง
ประสิทธิภาพและแบตเตอรี่
Pixel 9A ใช้ชิปประมวลผล Tensor G4 พร้อม RAM 8GB และมีตัวเลือกพื้นที่จัดเก็บข้อมูล 128GB และ 256GB แบตเตอรี่ความจุ 5,100mAh รองรับการชาร์จแบบไร้สาย Qi และการชาร์จผ่านสายกำลังไฟ 23W
CR : Google Store (store.google.com)
CR : Google Store (store.google.com)
ความทนทานและการอัปเดต
อุปกรณ์นี้มีมาตรฐานกันน้ำและฝุ่นระดับ IP68 และ Google สัญญาว่าจะมีการอัปเดตระบบปฏิบัติการและความปลอดภัยต่อเนื่องเป็นเวลา 7 ปี
ราคาและการวางจำหน่าย
Pixel 9A มีราคาเริ่มต้นที่ $499 สำหรับรุ่น 128GB และ $599 สำหรับรุ่น 256GB โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในเดือนเมษายนนี้ ด้วยคุณสมบัติและราคาที่แข่งขันได้ Pixel 9A ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหาสมาร์ทโฟนระดับกลางที่มีประสิทธิภาพและฟีเจอร์ครบครัน
ที่มา
The Verge
**สำหรับท่านที่สนใจ เช่า/ซื้อ อุปกรณ์ IT ต่างๆ ติดต่อได้ที่**
Line ID : @totalitsolution หรือ โทร : 092-269-8800 สายด่วน : 092-269-7700 คลิกตรงนี้เพื่อติดต่อฝ่ายอื่นๆ
5 อุปกรณ์ช่วยลดการติดโทรศัพท์
5 อุปกรณ์ช่วยลดการเสพติด โทรศัพท์
โทรศัพท์ ในปัจจุบันกลายเป็นสิ่งที่แทบทุกคนขาดไม่ได้ อย่างไรก็ตาม การใช้งานที่มากเกินไปอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตและความสัมพันธ์ทางสังคมของเรา เพื่อช่วยลดการพึ่งพาโทรศัพท์ มีอุปกรณ์หลายชนิดที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมเวลาหน้าจอของตนเองได้ดีขึ้น
Unpluq
Unpluq เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมการเข้าถึงแอปที่ทำให้เสียสมาธิ โดยใช้ระบบกุญแจดิจิทัลที่ต้องเสียบอุปกรณ์เพื่อปลดล็อกแอปบางตัว วิธีนี้ช่วยให้ผู้ใช้ลดพฤติกรรมการเลื่อนหน้าจอโดยไม่จำเป็นและมุ่งเน้นไปที่งานสำคัญแทน
CR : Unpluq
CR : Boox
Boox Palma 2
Boox Palma 2 เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยลดการเสพติด สมาร์ทโฟน โดยมีหน้าจอ e-ink ที่ไม่ทำให้เสียสมาธิ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการอ่านหนังสือหรือลดสิ่งรบกวนจากหน้าจอสีที่มีแสงจ้า
Daylight DC-1
Daylight DC-1 เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้ผู้ใช้โฟกัสกับงานได้ดีขึ้น โดยทำหน้าที่บล็อกการแจ้งเตือนจาก สมาร์ทโฟน และ คอมพิวเตอร์ พร้อมทั้งแสดงเวลานับถอยหลังเพื่อกระตุ้นให้ทำงานอย่างต่อเนื่องตามเทคนิค Pomodoro วิธีนี้ช่วยลดความต้องการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นระหว่างทำงาน
CR : Daylight
CR : TTfone
TTfone Titan TT950
TTfone Titan TT950 เป็นโทรศัพท์ที่ออกแบบมาให้มีเพียงฟังก์ชันพื้นฐาน เช่น การโทร ส่งข้อความ และเครื่องคิดเลขเท่านั้น ไม่มีแอปโซเชียลมีเดีย หรือแอปที่ทำให้เสียสมาธิ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดสิ่งรบกวนจากสมาร์ทโฟนและใช้ชีวิตอย่างมีสมดุลมากขึ้น
Unihertz Jelly Star
Unihertz Jelly Star เป็น สมาร์ทโฟน ขนาดเล็กที่ช่วยลดการเสพติด สมาร์ทโฟน โดยจำกัดขนาดหน้าจอให้เล็กลงเพื่อไม่ให้ใช้งานได้นานเกินไป แต่ยังคงมีฟังก์ชันพื้นฐานที่จำเป็นต่อการสื่อสารและใช้งานทั่วไป
CR : Unihertz
สรุป
การลดการเสพติดสมาร์ทโฟนเป็นสิ่งที่ท้าทาย แต่ด้วยการใช้อุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยควบคุมพฤติกรรมการใช้งาน เราสามารถลดการพึ่งพาสมาร์ทโฟนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการใช้โทรศัพท์ที่เรียบง่ายขึ้น บล็อกสิ่งรบกวน หรือแม้แต่ปรับขนาดหน้าจอให้เล็กลง ทั้งหมดนี้ช่วยให้เรามีสมาธิมากขึ้นและใช้ชีวิตได้อย่างสมดุล
ที่มา
TechCrunch
**สำหรับท่านที่สนใจ เช่า/ซื้อ อุปกรณ์ IT ต่างๆ ติดต่อได้ที่**
Line ID : @totalitsolution หรือ โทร : 092-269-8800 สายด่วน : 092-269-7700 คลิกตรงนี้เพื่อติดต่อฝ่ายอื่นๆ
Apple เลื่อนการเปิดตัว Smart Home Hub
CR : Apple
Apple เลื่อนการเปิดตัว Smart Home Hub เนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับ Siri
Apple เลื่อนการเปิดตัว Smart Home Hub รุ่นใหม่ ซึ่งมีรายงานว่าถูกเลื่อนออกไป เนื่องจากปัญหาด้านประสิทธิภาพของ Siri ที่ยังไม่สามารถตอบสนองได้ตามที่คาดหวังไว้ โดยเดิมทีอุปกรณ์นี้มีกำหนดเปิดตัวภายในปี 2025 แต่ล่าสุดมีรายงานว่าอาจต้องเลื่อนออกไปจนถึงปี 2026
สาเหตุของความล่าช้า
Apple ตั้งใจให้ Smart Home Hub ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางสำหรับ อุปกรณ์สมาร์ทโฮม ภายในบ้าน โดยใช้ Siri เป็นตัวควบคุมหลัก อย่างไรก็ตาม Siri ยังคงมีข้อจำกัดในการทำงานร่วมกับอุปกรณ์และระบบบ้านอัจฉริยะที่ซับซ้อน ส่งผลให้ Apple จำเป็นต้องใช้เวลามากขึ้นในการพัฒนาและปรับปรุง AI เพื่อให้สามารถรองรับคำสั่งที่ซับซ้อนและตอบสนองได้อย่างแม่นยำ
ฟีเจอร์ที่คาดหวังใน Smart Home Hub
การควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮมผ่าน Siri: ผู้ใช้จะสามารถสั่งงานอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ไฟ, กล้องวงจรปิด และเครื่องใช้ไฟฟ้า ผ่าน Siri ได้อย่างราบรื่น
รองรับ HomeKit และ Matter: อุปกรณ์จะรองรับมาตรฐาน HomeKit ของ Apple และ Matter ซึ่งเป็นมาตรฐานสมาร์ทโฮมแบบเปิดที่ช่วยให้สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์จากผู้ผลิตรายอื่นได้
ประมวลผล AI ภายในอุปกรณ์ (On-device AI): เพื่อความเร็วและความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้น Apple วางแผนให้ Smart Home Hub สามารถประมวลผลคำสั่งพื้นฐานได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา
ผลกระทบจากการเลื่อนเปิดตัว
การเลื่อนเปิดตัว Smart Home Hub อาจทำให้ Apple เสียเปรียบคู่แข่ง อย่าง Google และ Amazon ซึ่งมีผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮมที่ใช้ AI ขั้นสูงออกวางจำหน่ายแล้ว เช่น Google Nest Hub และ Amazon Echo ที่สามารถโต้ตอบและสั่งการอุปกรณ์ในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม Apple ยังมีความได้เปรียบด้าน ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูล ซึ่งเป็นจุดแข็งสำคัญที่อาจดึงดูดผู้ใช้ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของข้อมูลมากกว่าความสามารถของ AI เพียงอย่างเดียว
สรุป
แม้ว่า Smart Home Hub ของ Apple จะเผชิญกับความล่าช้า แต่บริษัทก็ยังมุ่งมั่นที่จะพัฒนาอุปกรณ์นี้ให้สามารถรองรับคำสั่งเสียงได้อย่างแม่นยำและเป็นธรรมชาติ เพื่อให้สามารถแข่งขันกับแบรนด์อื่นๆ ได้ในอนาคต
ที่มา
TechCrunch
**สำหรับท่านที่สนใจ เช่า/ซื้อ อุปกรณ์ IT ต่างๆ ติดต่อได้ที่**
Line ID : @totalitsolution หรือ โทร : 092-269-8800 สายด่วน : 092-269-7700 คลิกตรงนี้เพื่อติดต่อฝ่ายอื่นๆ
Apple เลื่อนการเปิดตัว Siri AI อัจฉริยะรุ่นใหม่ ออกไปนานกว่าที่คาดไว้
Apple เลื่อนการเปิดตัว Siri AI ออกไปจนถึงปี 2026
Apple ได้ประกาศอัปเกรด Siri ด้วย AI อัจฉริยะขั้นสูง ซึ่งหลายคนคาดหวังไว้อาจต้องรอคอยนานกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเดิมทีฟีเจอร์ใหม่นี้มีแผนเปิดตัวภายในปี 2025 แต่จากรายงานล่าสุดเผยว่า อาจเลื่อนการเปิดตัวถึงปี 2026 หรือหลังจากนั้น
เหตุผลที่ Apple ต้องเลื่อนการอัปเกรด Siri
Apple กำลังพัฒนา Siri ให้สามารถแข่งขันกับระบบ AI อัจฉริยะจากคู่แข่ง เช่น Google Gemini และ OpenAI ChatGPT อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่าปัญหาหลักที่ทำให้ Apple ต้องเลื่อนเปิดตัวคือ ความซับซ้อนของการพัฒนาโมเดล AI ที่ต้องใช้เวลาในการฝึกฝนและปรับปรุงเพื่อให้มั่นใจว่า Siri สามารถทำงานได้อย่างแม่นยำและเป็นธรรมชาติ
Siri รุ่นใหม่จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง?
Apple วางแผนให้ Siri เวอร์ชันใหม่สามารถ ทำความเข้าใจคำสั่งที่ซับซ้อนขึ้น และสามารถ โต้ตอบได้อย่างเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีการนำ AI ประมวลผลภายในอุปกรณ์ (On-device AI) มาใช้เพื่อเพิ่มความเร็วในการตอบสนองและรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ AI หลายอย่างที่ Apple ตั้งเป้าไว้อาจยังไม่พร้อมใช้งานในปีนี้ ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้ iPhone และ iPad อาจต้องรอ Siri ที่ฉลาดขึ้นไปจนถึงปี 2026 หรือแม้กระทั่งหลังจากนั้น
ผลกระทบต่อผู้ใช้และอุตสาหกรรม
การเลื่อนเปิดตัว Siri อัจฉริยะ อาจทำให้ Apple เสียเปรียบในสงคราม AI กับบริษัทคู่แข่ง เนื่องจาก Google และ OpenAI ต่างเร่งพัฒนาและเปิดตัว AI ใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ Google ที่นำ AI มาใช้ใน Google Assistant เพื่อเพิ่มความสามารถในการโต้ตอบและช่วยเหลือผู้ใช้
แม้ Apple จะมีแผนพัฒนา AI ของตนเองอย่างจริงจัง แต่การเลื่อน Siri เวอร์ชันใหม่อาจทำให้ผู้ใช้บางส่วนผิดหวัง และหันไปใช้ AI จากบริษัทอื่นแทน
ที่มา
The Verge
TechCrunch
Bloomberg
**สำหรับท่านที่สนใจ เช่า/ซื้อ อุปกรณ์ IT ต่างๆ ติดต่อได้ที่**
Line ID : @totalitsolution หรือ โทร : 092-269-8800 สายด่วน : 092-269-7700 คลิกตรงนี้เพื่อติดต่อฝ่ายอื่นๆ
Google เปิดตัว AI Gemini 2.0 รุ่นล่าสุด
Image courtesy of Google / Source: Google Blog
Google เปิดตัว AI Gemini 2.0 รุ่นล่าสุดที่มีความสามารถหลากหลายและทรงพลังยิ่งขึ้น
Google เปิดตัว AI Gemini 2.0 รุ่นล่าสุด ได้รับการออกแบบให้รองรับการทำงานแบบมัลติโมดอล (multimodal) สามารถประมวลผลและสร้างข้อมูลทั้งข้อความ ภาพ และเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเปิดตัว Gemini 2.0 แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Google ในการพัฒนา AI ที่มีความสามารถหลากหลายและตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้ในยุคดิจิทัล
คุณสมบัติเด่นของ Gemini 2.0
การประมวลผลแบบมัลติโมดอล: Gemini 2.0 สามารถสร้างและประมวลผลข้อมูลในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ข้อความ ภาพ และเสียง ทำให้การโต้ตอบกับผู้ใช้มีความหลากหลายและสมจริงมากขึ้น
ประสิทธิภาพและความเร็วที่เพิ่มขึ้น: ด้วยการปรับปรุงโครงสร้างและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทำให้ Gemini 2.0 มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและตอบสนองได้รวดเร็วกว่าโมเดลก่อนหน้า
การผสานรวมกับผลิตภัณฑ์ของ Google: Google มีแผนที่จะนำ Gemini 2.0 เข้าร่วมในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น การค้นหา (Search) และผู้ช่วย AI อย่าง Project Astra เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้
ปัจจุบัน Gemini 2.0 ยังอยู่ในขั้นตอนการทดสอบและคาดว่าจะเปิดให้ใช้งานอย่างแพร่หลายในปีหน้า
ที่มา
The Verge: Google launched Gemini 2.0, its new AI model for practically everything
Axios: Google's next chapter
Reuters: Google introduces new class of cheap AI models as cost concerns intensify
Wikipedia: Gemini (language model)
**สำหรับท่านที่สนใจ เช่า/ซื้อ อุปกรณ์ IT ต่างๆ ติดต่อได้ที่**
Line ID : @totalitsolution หรือ โทร : 092-269-8800 สายด่วน : 092-269-7700 คลิกตรงนี้เพื่อติดต่อฝ่ายอื่นๆ
Discord เตรียมพิจารณาการเสนอขายหุ้น IPO หลังมูลค่าธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง
CR : Discord
Discord เตรียมขายหุ้น IPO
Discord เตรียมขายหุ้น IPO แพลตฟอร์มสื่อสารยอดนิยมสำหรับเกมเมอร์และชุมชนออนไลน์ กำลังอยู่ในขั้นตอนการหารือเกี่ยวกับ การเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะ โดยได้เริ่มพูดคุยกับธนาคารเพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ของการเข้าตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
เหตุผลที่ Discord พิจารณา IPO
Discord ก่อตั้งขึ้นในปี 2015 โดย Jason Citron และ Stan Vishnevskiy ปัจจุบันมีผู้ใช้งานทั่วโลกกว่า 200 ล้านคนต่อเดือน ซึ่งช่วยให้บริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยแหล่งข่าวเผยว่า มูลค่าของ Discord ในปี 2021 เคยพุ่งสูงถึง 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
แม้ว่าก่อนหน้านี้ Discord จะพิจารณาการเสนอขายหุ้น IPO มาแล้ว แต่ถูกเลื่อนออกไปเนื่องจากความไม่แน่นอนของตลาด อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงและบรรยากาศการลงทุนที่ดีขึ้น ทำให้บริษัทกลับมาพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้ง
แผนการเติบโตและโอกาสของ Discord
Discord เป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่แตกต่างจากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่น ๆ โดยไม่พึ่งพาโฆษณาเป็นแหล่งรายได้หลัก แต่ใช้ โมเดลสมัครสมาชิกแบบพรีเมียม (Nitro Subscription) ที่ช่วยสร้างรายได้อย่างมั่นคง การขยายตลาดไปยังธุรกิจและองค์กร รวมถึงการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ เช่น AI และการสื่อสารผ่านวิดีโอ ยังช่วยเพิ่มโอกาสให้บริษัทเติบโตได้อีกมาก
นอกจากนี้ Discord ยังอยู่ในกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีที่กำลังเตรียม IPO เช่น Stripe, Chime และ Databricks ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ดีของตลาดหุ้นสำหรับบริษัทเทคในช่วงนี้
ความเป็นไปได้ของการเข้าตลาดหลักทรัพย์
แม้ว่าข่าวการเสนอขายหุ้น IPO ของ Discord จะได้รับความสนใจอย่างมาก แต่แผนการนี้ยังคงอยู่ในขั้นตอนเบื้องต้น ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้
ตัวแทนของบริษัทระบุว่า "เรายังคงโฟกัสที่การมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้ของเรา และสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่งและยั่งยืน" ทำให้ยังต้องจับตาดูว่า Discord จะตัดสินใจเข้าสู่ตลาดหุ้นในเร็ว ๆ นี้หรือไม่
ที่มา
TechCrunch
Financial Times
CNBC
**สำหรับท่านที่สนใจ เช่า/ซื้อ อุปกรณ์ IT ต่างๆ ติดต่อได้ที่**
Line ID : @totalitsolution หรือ โทร : 092-269-8800 สายด่วน : 092-269-7700 คลิกตรงนี้เพื่อติดต่อฝ่ายอื่นๆ
Review Poly Blackwire 3320: คุ้มค่าหรือไม่สำหรับการใช้งานจริง?
Review Poly Blackwire 3320
Review Poly Blackwire 3320 หากคุณกำลังมองหาหูฟังสำหรับการประชุมออนไลน์หรือใช้งานในสำนักงาน Poly Blackwire 3320 เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ ด้วยดีไซน์ที่เรียบง่าย คุณภาพเสียงที่ดี และไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน แต่คำถามคือ มันตอบโจทย์การใช้งานจริงมากน้อยแค่ไหน? เรามารีวิวกันแบบละเอียด!
การออกแบบและความสบายในการสวมใส่
Poly Blackwire 3320 เป็นหูฟังแบบ On-Ear ที่มีน้ำหนักเบา แถบคาดศีรษะสามารถปรับได้ และแผ่นรองหูฟังใช้วัสดุที่ให้ความสบายในระดับหนึ่ง การสวมใส่ในช่วงเวลาสั้น ๆ จะรู้สึกโอเค แต่หากใช้เป็นเวลานาน อาจเกิดความเมื่อยล้าและร้อนที่ใบหูได้
คะแนนการออกแบบและความสบาย: 7.5/10
คุณภาพเสียง
หูฟังรุ่นนี้ออกแบบมาเพื่อการสนทนาและการประชุมออนไลน์เป็นหลัก ให้เสียงพูดที่คมชัด แต่เสียงเบสค่อนข้างเบา ทำให้ไม่เหมาะกับการฟังเพลงหรือดูหนังแบบเต็มอรรถรส อย่างไรก็ตาม สำหรับการใช้งานด้านธุรกิจหรือสายงาน Call Center ถือว่าทำได้ดี
คะแนนคุณภาพเสียง: 7/10
ไมโครโฟนและการตัดเสียงรบกวน
ไมโครโฟนของ Poly Blackwire 3320 มีระบบตัดเสียงรบกวนในระดับหนึ่ง ซึ่งช่วยลดเสียงรบกวนจากสภาพแวดล้อมรอบข้างได้ดีพอสมควร เสียงพูดที่ส่งไปยังคู่สนทนาชัดเจน ไม่มีเสียงสะท้อนหรือเสียงแตกมากนัก แต่ยังไม่ถึงระดับของหูฟังระดับไฮเอนด์
คะแนนไมโครโฟน: 8.5/10
การเชื่อมต่อและความสะดวกในการใช้งาน
หูฟังรุ่นนี้รองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB-C และมีอะแดปเตอร์ USB-A แถมมาให้ ทำให้สามารถใช้งานได้กับทั้งคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและแล็ปท็อป โดยไม่ต้องติดตั้งไดรเวอร์เพิ่มเติม การควบคุมเสียงและปิดไมโครโฟนสามารถทำได้จากปุ่มบนสาย ซึ่งสะดวกต่อการใช้งาน
คะแนนการเชื่อมต่อ: 9/10
ความทนทานของวัสดุ
วัสดุของ Poly Blackwire 3320 ค่อนข้างแข็งแรง แต่เนื่องจากเป็นหูฟังแบบมีสาย อาจเกิดการสึกหรอของสายเชื่อมต่อได้หากใช้งานหนักเป็นเวลานาน การดูแลรักษาและเก็บอย่างถูกต้องจะช่วยยืดอายุการใช้งานได้
คะแนนความทนทาน: 7/10
ความคุ้มค่ากับราคา
สำหรับราคาของ Poly Blackwire 3320 ถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหูฟังสำหรับการทำงานเป็นหลัก ไม่ได้เน้นคุณภาพเสียงที่สมบูรณ์แบบในทุกด้าน แต่ตอบโจทย์ด้านการสื่อสารและการประชุมออนไลน์ได้ดี
คะแนนความคุ้มค่า: 8/10
สรุปภาพรวมการใช้งานจริง
หัวข้อคะแนน (1-10)การออกแบบและความสบาย7.5/10คุณภาพเสียง7/10ไมโครโฟนและการตัดเสียงรบกวน8.5/10การเชื่อมต่อและความสะดวก9/10ความทนทานของวัสดุ7/10ความคุ้มค่า8/10คะแนนเฉลี่ยรวม7.8/10
Poly Blackwire 3320 เหมาะกับใคร? ✅ เหมาะสำหรับพนักงานออฟฟิศที่ต้องประชุมออนไลน์เป็นประจำ ✅ เหมาะสำหรับงาน Call Center หรือฝ่ายสนับสนุนลูกค้า ✅ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหูฟังที่ใช้งานง่ายและไม่ซับซ้อน
❌ ไม่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหูฟังเพื่อฟังเพลงหรือดูหนังโดยเน้นคุณภาพเสียงระดับสูง ❌ ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบหูฟังแบบมีสาย
คำแนะนำ: หากคุณกำลังมองหาหูฟังสำหรับการทำงานและประชุมออนไลน์ที่มีคุณภาพดีในราคาที่เหมาะสม Poly Blackwire 3320 เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า แต่ถ้าคุณต้องการหูฟังที่ใช้ฟังเพลงหรือเล่นเกมเป็นหลัก ควรมองหารุ่นอื่นที่ตอบโจทย์ด้านเสียงได้ดีกว่า
**สำหรับท่านที่สนใจ เช่า/ซื้อ อุปกรณ์ IT ต่างๆ ติดต่อได้ที่**
Line ID : @totalitsolution หรือ โทร : 092-269-8800 สายด่วน : 092-269-7700 คลิกตรงนี้เพื่อติดต่อฝ่ายอื่นๆ
เปิดตัว Mac Studio ขุมพลัง M4 Max และ M3 Ultra 2025
Apple เปิดตัว Mac Studio ขุมพลัง M4 Max และ M3 Ultra สำหรับมืออาชีพ
Apple เปิดตัว Mac Studio รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมกับชิป M4 Max และ M3 Ultra ซึ่งเป็นชิปรุ่นล่าสุดที่ให้ประสิทธิภาพสูงขึ้น รองรับการทำงานหนักสำหรับนักสร้างสรรค์คอนเทนต์ นักพัฒนา และมืออาชีพด้านกราฟิก
สเปกและคุณสมบัติเด่น
ชิปประมวลผลที่ทรงพลัง
M4 Max:
CPU 14-core
GPU 32-core
รองรับหน่วยความจำรวม (Unified Memory) สูงสุด 128GB
M3 Ultra:
ประกอบด้วย CPU 28-core และ GPU 60-core (อัปเกรดเป็น 80-core ได้)
รองรับ Unified Memory สูงสุดถึง 512GB
CR : Apple
CR : Apple
การออกแบบและระบบระบายความร้อน
ตัวเครื่องดีไซน์กะทัดรัด ประหยัดพื้นที่ แต่ให้พลังการประมวลผลระดับสูง
ระบบระบายความร้อนที่พัฒนาใหม่ช่วยให้เครื่องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ใช้โหลดหนัก
การเชื่อมต่อที่ครบครัน
พอร์ต Thunderbolt 5 รองรับการถ่ายโอนข้อมูลความเร็วสูง
พอร์ต USB-A สำหรับอุปกรณ์เสริมเก่า
พอร์ต HDMI รองรับจอภาพ 8K
พอร์ต 10Gb Ethernet เพื่อการเชื่อมต่อเครือข่ายระดับมืออาชีพ
ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. รองรับหูฟังแบบ Hi-Fi
CR : Apple / Adobe Photoshop
ราคาและการวางจำหน่าย
Mac Studio รุ่นใหม่นี้มีให้เลือกสองรุ่น โดยมีราคาดังนี้:
Mac Studio (M4 Max) – ราคาเริ่มต้นที่ 69,900 บาท
Mac Studio (M3 Ultra) – ราคาเริ่มต้นที่ 139,900 บาท
เปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ Apple ประเทศไทยและร้านค้าตัวแทนจำหน่าย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ที่มา
The Verge
Apple
MacRumors
Mac Studio รุ่นใหม่เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพระดับสูงสุดในขนาดที่กะทัดรัด รองรับการทำงานหนักทั้งด้านกราฟิก วิดีโอ และการพัฒนาแอปพลิเคชันระดับมืออาชีพ
**สำหรับท่านที่สนใจ เช่า/ซื้อ อุปกรณ์ IT ต่างๆ ติดต่อได้ที่**
Line ID : @totalitsolution หรือ โทร : 092-269-8800 สายด่วน : 092-269-7700 คลิกตรงนี้เพื่อติดต่อฝ่ายอื่นๆ